เครื่องผลิตออกซิเจน (Oxygen Concentrator)
เครื่องผลิตออกซิเจน หรือ Oxygen Concentrator เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการหายใจ หรือผู้ที่ต้องการออกซิเจน เนื่องจากมีปริมาณออกซิเจนในเลือดต่ำ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า ประหยัดกว่า และสะดวกมากขึ้นกว่าการใช้ถังออกซิเจน ปัจจุบันเครื่องผลิตออกซิเจนถูกพัฒนาจนมีประสิทธิภาพ และมีเสถียรภาพสูง สามารถตอบโจทย์ผู้ป่วยที่ต้องการบำบัดด้วยออกซิเจนที่บ้านได้เป็นอย่างดี
หลักการทำงานของเครื่องผลิตออกซิเจนจะอาศัยแรงดันอัดอากาศปกติผ่านตัวกรองออกซิเจน "Molecular Sieve" ที่จะทำหน้าที่ในการดูดซับโมเลกุลของออกซิเจนเอาไว้ และจะทำการปล่อยลมและไนโตรเจนทิ้งไป ทำให้เครื่องสามารถผลิตออกซิเจนที่เข้มข้นขึ้นถึงประมาณ 90%ออกมาได้ เครื่องผลิตออกซิเจนในปัจจุบันสามารถให้ออกซิเจนที่อัตราไหลสูงถึง 10 ลิตร/นาที
และยังมีเครื่องผลิตออกซิเจนอีกประเภทที่อาศัยแผ่นเยื่อที่มีคุณสมบัติเป็น Semipermeable ซึ่งจะยอมให้โมเลกุลของออกซิเจนและน้ำผ่านได้เท่านั้น เครื่องผลิตออกซิเจนประเภทนี้จึงมีประสิทธิภาพที่ต่ำกว่า และให้ออกซิเจนเข้มข้นน้อยกว่าที่ประมาณ 40% แต่ข้อดีก็คือมีน้ำหนักเบา ซึ่งสามารถผลิตเครื่องให้มีขนาดที่เล็กกว่า เป็นแบบชนิดพกพาได้
โดยปกติแล้วการใช้เครื่องผลิตออกซิเจนจะใช้เป็นส่วนเสริมเครื่อง CPAP ร่วมกันรักษาการหยุดหายใจขณะหลับ โรคถุงลมโป่งพอง โรคปอด และโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ในการเลือกซื้อเครื่องผลิตออกซิเจนนั้น ก่อนอื่นจะต้องปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะเลือกซื้อ ว่าใครใช้ในปริมาณเท่าใด เพื่อความเหมาะสม และปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน

โดยเครื่องผลิตออกซิเจนจะทำงานโดยการจ่ายออกซิเจนออกจากทางท่อจ่ายออกซิเจนของตัวเครื่องโดยจะมีหน่วยเป็น ลิตร/นาที ปริมาตรในการให้จะขึ้นอยู่กับขนาดหรือสเปคของเครื่องนั้นๆโดยตัวเครื่องจะมีขนาดตั้งแต่ 1ลิตร ไปจะถึง 10ลิตร ทั้งนี้ปริมาตรในการให้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ สามารถสอบถามได้จากแพทย์หรือพยาบาลประจำตัวคนไข้
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ โดยผู้เขียน ลิขสิทธิ์ภาพถ่าย ทั้งหมด เป็นของ forsamed และผู้เขียน ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เผยแพร่ครั้งแรกใน www.forsamed.com 21 พฤศจิกายน 2563
Copyright (c) 2018 Text and Pictures. Use of such content either in part or in whole without permission is prohibited. First published in www.forsamed.com 21 November 2020