ผู้กำลังเริ่มมองหาเครื่องผลิตออกซิเจนหลายท่าน มักเกิดข้อสงสัยในการเลือกซื้อเครื่องผลิตออกซิเจนว่า การเลือกซื้อเครื่องนั้นต้องคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง โดยบทความนี้ผู้เขียนมีข้อแนะนำในการเลือกซื้อเครื่องผลิตออกซิเจน เพื่อคลายข้อสงสัยแก่ผู้อ่านทุกท่าน
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนเลือกซื้อเครื่องผลิตออกซิเจน
1. อุปกรณ์ที่ใช้ในผู้ป่วย
เป็นสิ่งที่ต้องประเมินอาการในตอนเริ่มต้น โดยแบ่งแยกเป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ
1. ผู้ป่วยที่ใช้อุปกรณ์แบบสายออกซิเจนแคนนูล่า (Nasal Cannula) เครื่องขนาดแนะนำ (3-6 ลิตร)
ใช้สำหรับการประคองอาการเหนื่อยหอบ เบื้องต้น สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ได้มีอาการรุนแรงมาก
2. ผู้ป่วยที่ใช้อุปกรณ์แบบหน้ากากออกซิเจนแมสหรือแมสวิทแบค (Oxygen Mask & Mask with Bag)
เครื่องขนาดแนะนำ (8-10 ลิตร) ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะขาดออกซิเจนรุนแรงโดยส่วนใหญ่จะใช้ร่วมกับ
หน้ากากแบบมีถุงลม Mask With Bag เพื่อให้ได้ค่าออกซิเจน ที่สูงขึ้น 80% ++
3. ผู้ป่วยเจาะคอ โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทย่อย คือ แบบท่อเล็กหรือแบบท่องวงช้าง
เครื่องขนาดแนะนำ สำหรับท่อเล็ก (3-10 ลิตร)
ลักษณะนี้จะเป็นการให้ออกซิเจน และความชื้นเล็กน้อยเหมาะสำหรับให้ออกซิเจนผู้ป่วยเจาะคอ ที่ไม่ต้องการที่จะละลายเสมหะหรือมีเสมหะที่ไม่ได้เหนียวข้นมาก สามารถใช้งานกับเครื่องผลิตออกซิเจนทั่วไป เริ่มตั้งแต่ 3 - 10 ลิตร/นาที (ขึ้นอยู่กับแพทย์แนะนำ)
เครื่องขนาดแนะนำ สำหรับท่องวงช้าง (10 ลิตรแรงดันสูง)
ลักษณะนี้จะเป็นการให้ออกซิเจน และให้ความชื้นที่เป็นลักษณะเหมือนควันออกจากท่องวงช้าง (เพื่อละลายเสมหะ + ให้ออกซิเจน)การให้ออกซิเจนในลักษณะนี้ จำเป็นต้องใช้เครื่องผลิตออกซิเจนเฉพาะ หรือที่เรียกว่า "เครื่องผลิตออกซิเจน แรงดันสูง" เนื่องจากอุปกรณ์ลักษณะนี้ เมื่อต่อกับเครื่องแรงดันธรรมดาแล้ว จะทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องดรอปลง เช่น อัตราการไหลในเครื่อง 10 ลิตรจะดรอปลงเหลือเพียง 5 ลิตร/นาที (ปรับเพิ่มไม่ได้) อัตราความชื้นที่ออกมาก็จะลดลงตามไปด้วยเนื่องจากแรงดันไม่เพียงพอ
2.งบประมาณ
เครื่องของทางร้านราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 13,900 – 59,900 บาท (แล้วแต่ขนาดลิตร)
3.เสียงการทำงานของเครื่อง
เครื่องที่เสียงการทำงานค่อนข้างดังจะรบกวนการใช้งานในตอนกลางคืน
4.อายุการใช้งานของเครื่อง
กระบอกสารผลิตออกซิเจนที่มีอายุการใช้งานนานส่งผลดีต่อผู้ที่ใช้งานเครื่องเป็นประจำ เนื่องจากจะใช้งานได้ยาวนานคุ้มค่าคุ้มราคา เพราะการเปลี่ยนในแต่ละครั้งราคาจะค่อนข้างสูงมาก
5.การรับประกัน
การรับประกันมีตั้งแต่ 1 – 3 ปี ขึ้นอยู่กับแบรนด์ โดยแนะนำให้ดูเครื่องที่มีการรับประกันสินค้านานก็จะคุ้มค่า โดยทางร้านมีศูนย์บริการเองไม่ต้องนำส่งบริษัทผู้ผลิตและมีบริการเครื่องสำรองให้ใช้ตลอดอายุการใช้งาน